คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการ "ช็อปช่วยชุมชน" นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อโอทอปมาหักลดหย่อนภาษีได้ ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ภาษีเพื่อส่งเสริม คาดเงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้ออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย (โอทอป) หรือ "ช็อปช่วยชุมชน" โดยส่งเสริมให้ประชาชนซื้อสินค้าโอทอป ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ส.ค.2559 สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ในลักษณะเดียวกับช่วงวันขึ้นปีใหม่ และสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้กำหนดให้เฉพาะที่เป็นสินค้าโอทอปเท่านั้น ซึ่งคาดว่าการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท และช่วยสร้างรายได้ลงไปสู่ชุมชนได้โดยตรง
ในสาระสำคัญของการดำเนินมาตรการ กระทรวงการคลังได้กำหนดเงื่อนไข คือ สินค้าที่เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นสินค้าโอทอปที่ได้รับการรับรอง และลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน และต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ที่ซื้อสินค้าโอทอปไปนั้น ต้องซื้อสินค้ารวมกันแล้วไม่เกิน 15,000 บาท และนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่จะต้องยื่นในปี 2560 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว แม้ว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ แต่เชื่อว่า จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กระจายเงินลงไปสู่ท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานราก และยังเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ผลิตสินค้าโอทอป เข้ามาสู่ระบบภาษีมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับภาพรวมของผู้ประกอบการโอทอปทั่วประเทศ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้รายงานว่า ณ เดือนมิ.ย.2559 ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโอทอปรวมกว่า 40,699 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มผู้ผลิตชุมชน ซึ่งเป็นสมาคม สหกรณ์ มูลนิธิ วิสาหกิจชุมชน กลุ่ม หรือชมรม จำนวน 25,234 ราย กลุ่มผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของรายเดียว 14,854 ราย และกลุ่มผู้ผลิตที่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีสินทรัพย์ลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท 614 ราย โดยสินค้าโอทอปส่วนใหญ่ ประกอบด้วย อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของใช้ของประดับตกแต่ง ของที่ระลึก และสมุนไพร จำนวนกว่า 80,000 รายการ โดยมีมูลค่าตลาดรวมปีละกว่า 100,000 ล้านบาท
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
